11 พ.ค. 64 เวลา 19.30 น. พระเทพวัชรบัณฑิต, ศ.ดร. อธิการบดี มจร ประธานคณะกรรมการอำนวยการฯ กล่าวเยี่ยมให้กำลังใจแก่ผู้เข้ารับการอบรมเป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศ รุ่นที่ 27/2564 ที่กำลังปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน จังหวัดเพชรบูรณ์ ผ่านโปรแกรม ZOOM โดยมีพระโสภณวชิราภรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ ประธานคณะกรรมการดำเนินงาน กล่าวต้อนรับและกล่าวให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน โดยมีผู้บริหาร พระวิปัสสนาจารย์ คณาจารย์ บุคลากรโครงการฯ และกรรมการดำเนินงาน ร่วมรับฟัง
ในโอกาสนี้ อธิการบดี ได้กล่าวถึงความสำคัญของการศึกษา การปฏิบัติ และการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ เราศึกษาแล้วต้องปฏิบัติให้รู้ด้วยตนเองก่อนแล้วจึงค่อยเผยแผ่ การไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศเช่นตะวันตก แนวคิดของเขาส่วนใหญ่เป็นพวกวัตถุนิยมทั้งนั้น เพราะเขาให้ความสำคัญกับเรื่องวัตถุนิยม ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ จะอย่างไรก็ตาม สุดท้ายทุกคนก็ล้วนมีทุกข์ทั้งนั้น เราเรียนกรรมฐานนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ใช้กรรมฐานในการช่วยเหลือเขา ช่วยให้เขาพ้นจากทุกข์ เรามาเข้ากรรมฐานนี้ได้เรียนรู้สติปัฏฐาน ผลของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในอิริยาบถทั้ง ๓ หรือทั้ง ๔ คือเราได้อานิสงส์มาก ประโยชน์ของการเดินจงกรมก็มีมากมาย สร้างความเข้มแข็งให้กับร่ายกายและจิตใจ แคมป์สนถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่สัปปายะมากที่สุดในการปฏิบัติกรรมฐาน สอดคล้องกับพระบาลีที่ว่า “อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สูญฺญาคารคโต วา”
ส่วนที่ ๒ ที่อยากให้พวกเราทำเป็นวิชาการ คือ เรียนรู้วิชาวิปัสสนาจารย์ไปด้วย หลักวิชากรรมฐานเป็นวิชาที่เข้าใจโลกจริง ต้องพัฒนาตนให้มีปัญญา ๓ อย่าง คือ สชาติกปัญญา ปาริหาริกปัญญา และวิปัสสนาปัญญา ปัญญาที่ใช้ได้ดีที่สุดคือ วิปัสสนาปัญญา ทำให้เข้าใจโลกเข้าใจชีวิต การปฏิบัติกรรมฐานใช้ได้ทั้ง ๒ อย่าง คือ สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน เราจะต้องได้ใช้วิปัสสนากรรมฐานในการบริหารตน อยากให้เรียนวิปัสสนากรรมฐานเป็นวิชาการ เพื่อเป็นพระวิปัสสนาจารย์ด้วย สุดท้ายนี้ อนุโมทนาบุญกับพระธรรมทูตทุกรูป ที่ได้เข้ารับการอบรมภาควิปัสสนากรรมฐานในครั้งนี้